ผู้การสืบใหญ่ บช.น.เผยคดีฆ่าอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่อยู่ระหว่างเคลียร์ คดีความทั้งหมดหลังพบทนายสมยศรับวิ่งคดียังไม่ชี้ชัดหรือวิเคราะห์คดีไหนจะเป็นชนวนสังหาร เพราะแต่ละคดีที่ผู้ตายรับว่าความมีมูลค่าสูงทั้งนั้น ขณะที่ น.1 สั่งพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำนักโทษในเรือนจำเขาบินแล้ว ด้านหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี รับยังคลายปมไม่ได้ คนร้ายรู้ได้ยังไงทนายสมยศจะไปกินหูฉลาม
เวลาผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว ยังเคลียร์ปมสังหารไม่ได้ จากกรณีทนายสมยศ หรือนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ ที่ถูกมือปืนสวมหมวกแก๊ปดักยิงเสียชีวิตที่ลานจอดรถ ร้านเฮงหูฉลาม ย่านพัฒนาการ เมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย. โดยชุดสืบสวนทั้งนครบาล-กองปราบฯตั้งประเด็นตายไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการพนัน ปัญหาคดีความที่ผู้ตายรับวิ่งเต้นโดยเฉพาะคดียาเสพติด และความบาดหมางร้าวลึกของคนในครอบครัว โดยเชื่อว่ามีคนใกล้ชิดชี้เป้า เพราะวันเกิดเหตุไม่มีใครรู้ว่าผู้ตายจะไปกินอาหารที่ร้านดังกล่าว ขณะที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยจากภาพสเกตช์ 2 คน รวมทั้ง ได้เส้นทางหลบหนีของคนร้ายที่นั่งรถ จยย.ไปลงย่านถนนเสรีไทย และมีรถยนต์มารับอีกทอด ตาม ข่าวที่เสนอไป
ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.เผยว่า ได้ติดต่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการว่าจ้างให้ผู้ตายไปว่าความคดีต่างๆ นำเอกสารรายละเอียดของคดีมามอบให้ โดยขณะนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ปากคำแล้วหลายคดี แต่ยังไม่ครบ เนื่องจากผู้ตายเข้าไปเกี่ยวข้องหลายคดี โดยวันนี้มีนัดมาสอบปากคำเพิ่มอีก 2-3 ราย และเจ้าหน้าที่ยังทยอยติดต่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะบางรายยัง ติดต่อไม่ได้ บางรายอยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกเดินทางเข้ามาให้ปากคำ ส่วนนายณรงค์ จิตรบำรุง คนสนิทนายสมยศอีกคน ได้เรียกมาสอบปากคำในประเด็น ความเชื่อมโยงของผู้ตายกับบุคคลในคดีความต่างๆ เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ แต่ยังไม่ชี้ชัดหรือวิเคราะห์ ได้ว่า คดีใดจะเป็นชนวนเหตุสังหาร เพราะแต่ละคดีที่ผู้ตายรับงานว่าความ มีมูลค่าสูงด้วยกันทั้งนั้น ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่า ผู้ตายวิ่งเต้นช่วยเหลือนักโทษคดียาเสพติดคนหนึ่งที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ตามที่ผู้ตายบันทึกไว้ในสมุดไดอารี่ส่วนตัว อยู่ระหว่างประสานทนายความให้เข้ามาให้การ
ผบก.สส.บช.น.กล่าวต่อไปว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือที่ผู้ตายบันทึกเสียงการสนทนาไว้ระหว่างติดต่อกับบุคคลต่างๆนั้น ตรวจสอบเบื้องต้น มีอยู่หลายไฟล์ บางไฟล์บันทึกไว้นานเป็นปี ขณะนี้อยู่ ระหว่างคัดกรองว่าได้คุยกับใครไว้บ้าง เพื่อประโยชน์ในการคลี่คลายคดี แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่า ผู้ตายพูดคุยกับใครว่าจะเดินทางมาร้านอาหารที่เกิดเหตุ ส่วนสมุดไดอารี่ของผู้ตาย ลูกสาวมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ครบทุกเล่มแล้ว ยังไม่พบประเด็นใหม่เพิ่มเติม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องประจำวัน เป็นเรื่องส่วนตัว เสียมากกว่า หลังจากนี้อาจจะนัดภรรยากับลูกสาว ผู้ตายมาสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ช่วงนี้ขอดำเนินการ เรื่องการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในเรื่องคดีความที่ผู้ตายรับว่าความไว้ทั้งหมดก่อน
พล.ต.ต.สมบัติกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการติดตามจับกุมคนร้าย ขณะนี้ บช.ก.และกองปราบปราม เข้าตรวจสอบเรื่องซุ้มมือปืนทั่วประเทศ เจาะจงเฉพาะ กลุ่มที่ใช้ปืน .38 ในการก่อเหตุว่ามีมือปืนกลุ่มไหนใช้ปืนชนิดนี้ก่อเหตุบ้าง จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะใช้ปืน 9 มม. หรือ 11 มม.ก่อเหตุ จากการวิเคราะห์คาดว่า มือปืนที่ก่อเหตุยิงผู้ตายอาจเป็นมือใหม่ หรือไม่ใช่มืออาชีพ ส่วนที่มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง บช.ภ.8 ลงพื้นที่ตรวจสอบตัวมือปืนที่อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพรนั้น มีการเน้นลงพื้นที่ดังกล่าวจริง แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวชัดเจน สำหรับเส้นทางหลบหนีของมือปืน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังตรวจ สอบซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าใช่เส้นทางหลบหนี และยานพาหนะที่คนร้ายใช้จริงหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาด และเป็นแนวทางติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่นายสมยศ วิ่งเต้นช่วยเหลือนักโทษคดียาเสพติดรายหนึ่งที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในวงเงิน 18 ล้านบาท แต่สุดท้าย ช่วยไม่ได้ และคืนเงินให้ลูกความไปแค่ 6 ล้านบาทว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปสอบปากคำนักโทษคนดังกล่าวที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดต้องถาม พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมดูแลคดี ส่วนการตรวจสอบซุ้มมือปืนคาดว่าก่อเหตุยิงนายสมยศ ในพื้นที่ อ.ท่าตะโก จ.ชุมพร ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลทุกซุ้มมือปืนตามที่ได้รับแจ้งเบาะแส
เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น.หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของคดีไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่างการแยกแยะข้อขัดแย้งของผู้ตายว่ามีกี่เรื่อง ทั้งการเช่าที่ดินย่านพระราม 9 ปัญหาครอบครัว การวิ่งเต้นรับเคลียร์คดีต่างๆ และเรื่องการพนัน เรียงลำดับความสำคัญประเด็นขัดแย้ง และให้น้ำหนักในส่วนที่น่าจะทำให้กลายเป็นปมสังหารได้ ประเด็นที่ยังคงสงสัยมากที่สุดคือเรื่องคนร้ายทราบได้อย่างไรว่าผู้ตายจะเดินทางไปกินหูฉลาม พยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนเรื่องสืบสวนหาเส้นทางหลบหนีคนร้ายก็อยู่ระหว่างติดตาม ทั้งนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปหารายละเอียดประเด็นต่างๆ ที่ได้วิเคราะห์ว่าอาจมีความเชื่อมโยงถึงสาเหตุการฆ่านายสมยศ เช่น ประเด็นเรื่องการโกงพนัน ก็มีผู้ต้องสงสัย 4 ราย คือนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ นายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ชุมพร นายปริญญา ปิยะภาค หรือปีเตอร์ และนางมุกรินทร์ นิตยา หรือเรียม น้องสาวนายเล็ก ประเด็นเรื่องการรับวิ่งเต้นคดีต่างๆ นางศุภนิดาเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดพนักงานสอบสวนยังคงต้องเรียกมาสอบปากคำจนกว่าจะสิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้ จะเรียกประชุมสรุปเร่งรัดคดีอีกครั้งวันที่ 10 ก.ค.
*****************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/social