ขายธุรกิจนํ้าผลไม้ ค่า70ล้าน ปมใหม่คดีสมยศ


เมียแอบลงทุนทำให้ทะเลาะกัน นัดคุยคนซื้อแต่ถูกฆ่าก่อน2วัน ตร.เรียกทนายใกล้ชิดสอบ3คน

ตำรวจเรียกสอบภรรยาและบุตรสาวอดีต เจ้าพ่อคาเฟ่ “สมยศ สุธางค์กูร” เป็นรอบที่ 4 ทั้งคู่ยังยืนยันชนวนเหตุมาจากเรื่องหนี้พนันมากสุด หากเจ้าตัวตายทุกอย่างก็จบไม่ต้องใช้หนี้ ด้านตำรวจพบผู้ตายเขียนในไดอารี่เตรียมขายโรงงานน้ำผลไม้อัดแก๊ส 1 ก.ค. ก่อนพบจุดจบ ขณะที่ พ.ต.ท.เจ้าของรถเบนซ์ ที่ผู้ตายนำไปใช้วันเกิดเหตุระบุไม่เคยติดหนี้ค่าเช่าที่ เจอครั้งสุดท้ายคนตายยังบอกหมอดูทักไม่มีเกณฑ์ตายโหง ส่วนประเด็นที่ดินย่านพระราม 9 ตัดได้เลย เพราะคนตายแพ้มา 2 ศาลแล้ว เหลือเพียงศาลฎีกา ทำไปก็ไม่มีประโยชน์

คดีมือปืนลอบยิงปิดตำนานอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ “สมยศ สุธางค์กูร” ที่ลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม ย่านพัฒนาการ ขณะก้าวขึ้นรถเบนซ์เพื่อเดินทางกลับที่พักพร้อมภรรยา เมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย. ภายหลังตำรวจชุดคลี่คลายคดีออกหมายจับ 2 คนร้ายตามภาพสเกตช์ พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสมาชิกในครอบครัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นตั้งปมสังหารไว้ 3 ประเด็น ทั้งในเรื่องโกงพนัน ความขัดแย้งเงินค่าจ้างวิ่งเต้นคดีต่างๆและปัญหาที่ดินย่านพระราม 9 ที่ยังค้างคาอยู่ในชั้นศาล ขณะที่ภรรยา-บุตรสาวผู้ตาย ยังมั่นใจมูลเหตุมาจากคนใกล้ตัว

ที่ สน.คลองตัน เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.อ.สุพัฒน์ พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.5 เปิดเผยว่า พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป.เรียกประชุมชุดทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ที่ห้องประชุมชั้น 3 สน.คลองตัน โดยมีตำรวจจาก กก.สส.บก.น.5 เข้าร่วมประชุมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คลองตันและตำรวจกองปราบฯ เพื่อวางแนวทางคลี่คลายคดี ขณะนี้ยังสืบสวนอยู่ในหลายๆ ประเด็น โดยให้น้ำหนักไปที่เรื่องคนใกล้ตัว ส่วนลูกชายนอกสมรสของผู้ตายต้องเรียกมาสอบปากคำเพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่หมด ทั้งในช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ

พ.ต.อ.สุพัฒน์เผยต่ออีกว่า การตรวจสอบกล้องวงจรปิดจะเริ่มตรวจสอบตั้งแต่เวลา 12.00-13.00 น.ของวันเกิดเหตุ จนถึงช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ ต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่าคนร้ายหายไปไหน ซึ่งจุดแรกที่พบหลังเกิดเหตุคือบริเวณห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง ส่วนจุดสุดท้ายที่พบคือบริเวณซอยรามคำแหง 24 ทั้งสองจุดมีเวลาห่างกันไม่เกิน 10 นาที จากนั้นคนร้ายทั้งคู่หายไปต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนรถ จยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นรถ จยย.สภาพใหม่ ผิดวิสัยและไม่น่าจะหนีไปไหนได้ไกล อาจมีการเปลี่ยนพาหนะก็เป็นได้ ประสานผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นรถยี่ห้อและรุ่นใดแน่

ต่อมาเมื่อ 12.00 น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. เชิญตัวนางรัศมี สุธางค์กูร น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กรู ภรรยาและบุตรสาวของนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 4 พร้อมทนายความใกล้ชิดผู้ตาย 3 ราย ประกอบด้วย นายเดชา ทองสุข อายุ 38 ปี นายอนิรุต พิริยศักดิ์มนตรี อายุ 38 ปี และนายสุธรรม จริตงาม อายุ 38 ปี

ก่อนเข้าให้ปากคำ น.ส.ณัฐธิดาเปิดเผยกรณีที่มีข่าวว่าตนสงสัยนายณัฐพล กันทะยอม น้องชายต่างมารดา ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบิดานั้น ยอมรับว่ามีเรื่องไม่ถูกกันจริง เพราะหลังเจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อ 4-5 ปีก่อน น้องชายเคยพูดว่าโกรธพ่อ อาจจะมาจากความน้อยใจที่บิดาไม่เคยเล่าว่ามีลูกชายคนนี้มาก่อน ตอนที่ผู้ตายโทร.ไปก็ปิดเครื่อง ไลน์ไปหาก็บล็อกไลน์ทิ้ง แต่วันเกิดเหตุน้องชายกลับเดินทางมาที่เกิดเหตุ บอกตำรวจว่าเป็นลูกชายของผู้ตาย พอตำรวจบอกให้ขับรถของบิดาไปก็อ้างว่าขับรถไม่เป็นทั้งๆที่เคยมาขับรถให้นางรัศมีไปธุระ ปกติน้องชายนั้นไม่ค่อยเคารพผู้ตาย แต่คงไม่ถึงกับคิดก่อเหตุ ส่วนประเด็นความขัดแย้งในบ้านเมื่อปี 56 ยอมรับว่ามีปัญหาบิดา-มารดาทะเลาะกัน แต่ไม่ถึงขั้นที่บิดาลงมือทำร้ายมารดาได้รับบาดเจ็บ มีเพียงใช้คำพูดแรงๆ ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันโดยที่ตนไม่เห็น ที่ทะเลาะกันแรงสุดคือผู้ตายตรงเข้ามาบีบคอ แต่ตนได้ห้ามไว้และเคยบอกทั้งคู่ให้หยุดทะเลาะเสียที ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรกันอีก ส่วนที่มีข่าวว่าบิดาเสียพนันเยอะมากนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ค่อนข้างจะบวกเยอะเสียด้วยซ้ำ ยอมรับว่าบิดาเป็นคนชอบเล่น เคยเห็นวางมากที่สุด 5 แสนบาท แต่ไม่ใช่ทุกตา เพราะบิดาของตนค่อนข้างมีระเบียบวินัยในการเล่น เช่น บอกว่าจะเลิก 4 โมงก็คือ 4 โมงตรง ก่อนหน้าเคยมีคนเคยชวนเปิดบ่อนพนัน เพราะเห็นว่าเป็นคนดวงดี แต่ไม่ทราบว่าที่ไหน ซึ่งบิดาปฏิเสธไปเพราะไม่อยากรับความเสี่ยง

“ส่วนร้านอาหารที่เกิดเหตุนั้นเป็นร้านที่บิดาไปกินเป็นประจำ ถ้าไปกินกันเองก็ไม่เคยจองโต๊ะ ยกเว้นแต่นัดผู้ใหญ่ไว้ ปกติบิดาจะไปกินข้าวนอกบ้านแค่ 2 ร้านเท่านั้น คือร้านเฮงหูฉลามกับร้านเหลาเหลาซอยอารีย์ เพราะผู้ตายเป็นคนไม่ชอบกินอะไรใหม่ๆ เคยพาไปที่ร้านอื่นก็บอกว่าไม่ถูกปาก ส่วนใหญ่จะมีนัดหมายช่วงเวลา 17.00-05.00 น. เพราะติดนิสัยตั้งแต่สมัยทำร้านคาเฟ่ โดยในวันเกิดเหตุก็มีการนัดแพทย์ไว้ช่วงบ่าย” น.ส.ณัฐธิดากล่าว

ด้านนางรัศมีกล่าวว่า ข้อสงสัยว่าลูกชายของสามีอีกคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสามีส่งเสียให้เรียนคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง แต่ยังไม่จบ ให้มาช่วยงานบริษัทของที่บ้าน จ่ายเงินเดือนให้รายเดือนแต่ไม่มากนัก ตนพยายามคิดถึงความแตกต่าง เช่น ลูกสาวตนมีรถหรูขับแต่ลูกชายอีกคนของสามียังนั่งรถเมล์อยู่ จึงให้มาช่วยงานที่บ้าน โดยให้ช่วยกิจการโรงงานน้ำผลไม้อัดแก๊สที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ภายหลังลูกสาวตนไม่ถูกกับลูกชายของสามีจึงให้แยกกัน โดยให้ลูกสาวมาดูกิจการเครื่องสำอาง ส่วนลูกชายของสามีรายนี้ก็ดูโรงงานน้ำผลไม้เหมือนเดิม ส่วนกรณีที่ตนกับสามีทะเลาะกันรุนแรงเมื่อปี 56 นั้น มาจากเรื่องลงทุนทำโรงงานน้ำผลไม้อัดแก๊สไป 60-70 ล้านบาท โดยที่ตนไม่ได้บอกให้สามีทราบ เพราะคิดว่าทำเพื่อครอบครัว พอสามีมารู้เรื่องภายหลังก็ทะเลาะกัน แต่ไม่ได้รุนแรงมาก เพราะก่อนเกิดเหตุสามียังมาช่วยทำกิจการที่โรงงาน คอยติดต่อเรื่องต่างๆให้และยังไปบอกกับคนอื่นว่าเป็นโรงงานที่ผู้ตายทำเอง ปัจจุบันมีความสุขกันดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องบ่อนการพนันนั้นสามีเคยเข้าไปเล่นบ่อนถูกกฎหมายที่ปอยเปตหรือมาเก๊า ส่วนบ่อนในประเทศไทยเคยเข้าบ้างแต่ไม่บ่อย เหมือนเข้าไปให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนตนเคยตามไปที่บ่อนต่างประเทศบ้าง ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปเล่นการพนันคนเดียวแต่อย่างใด

นางรัศมีกล่าวต่ออีกว่าก่อนเกิดเหตุตนไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ผู้ตายไม่เคยบอกว่ามีคนปองร้ายหรือให้ระวังตัว จึงไม่มีผู้ติดตาม ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมสงสัยเรื่องหนี้การพนันมากที่สุดนั้น เพราะเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ชุมพร นายปริญญา หรือปีเตอร์ ปิยะภาค และ น.ส.มุกรินทร์ หรือเรียม นิตยา น้องสาวนายสมชัย ในเรื่องฉ้อโกงเงิน พระเครื่อง แหวนเพชร ส่วนนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ นั้นกันไว้เป็นพยาน อีกทั้งยังมีเรื่องเคลียร์หนี้ เรื่องที่ดินอีก ตนจึงเชื่อว่าน่าจะมาจากสาเหตุพวกนี้ เพราะหากสามีเสียชีวิตไปเงินที่โกงไปก็ไม่ต้องใช้คืน ที่ดินก็ไม่ต้องโอน คดีความก็จบ ในวันเกิดเหตุนางศุภนิดามาที่เกิดเหตุด้วย ยังถามว่า “รู้ใช่มั้ยว่าใครทำ” ซึ่งเจ้าตัวตอบเพียงว่า “พี่ใจเย็นๆ” หลังจากนั้นตนไม่มีสติแล้ว

นายเดชา 1 ในทนายความที่ใกล้ชิดกับผู้ตาย เผยว่า รู้จักกับนายสมยศผ่านเพื่อนมา 2-3 ปี ส่วนตัวผู้ตายมีนิสัยดี เป็นคนรอบคอบ หากดูภายนอกคนจะมองว่านายสมยศเป็นถึงอดีตเจ้าของคาเฟ่ชื่อดัง น่าจะมีลูกน้องติดตามมากมาย แต่ความจริงแล้วผู้ตายมักจะขับรถเอง ไม่มีลูกน้องหรือผู้ติดตาม ไม่พกอาวุธ แม้กระทั่งที่บ้านก็ไม่มีแม่บ้าน มีเพียงผู้ดูแลมารดาของภรรยาที่ชรา หลังจากที่มารดาภรรยาเสียไปประมาณ 2 เดือน ผู้ดูแลก็ขอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เรื่องชีวิตประจำวันเวลานอนพักผ่อนจะเป็นช่วงเช้าถึงเที่ยง จะตื่นในช่วงบ่าย และเริ่มทำงานช่วงมืดซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาจากการทำงานสมัยเปิดคาเฟ่

นายเดชาเผยต่ออีกว่า ตนจะเดินทางไปพบกับนายสมยศเป็นประจำ 2-3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องคดีความต่างๆ แต่ไม่เคยว่าความร่วมกัน ล่าสุดยังมีนัดไปพบนายสมยศที่บ้านในวันเกิดเหตุ ตอนสี่ทุ่ม กระทั่งทราบเหตุร้าย เวลาไปที่บ้านของผู้ตายจะมีการสนทนางานในวงไพ่รัมมี่ เล่นกันสนุกๆตาละ 40-50 บาท เวลาไปบ้านจะพบภรรยาและลูกสาวนายสมยศเกือบทุกครั้ง ผู้ตายไม่เคยเล่าถึงปัญหาของครอบครัว รวมทั้งไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ถูกคนปองร้ายหรือความขัดแย้งใดๆมีเพียงคุยปรึกษาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับคดีความทั่วไป

ขณะที่ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า วันนี้เชิญภรรยาและบุตรสาวของผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตามที่เคยให้การไว้ถึงเรื่องกิจการ ทรัพย์สินและรายได้ ทั้งคู่ยืนยันว่ายังสงสัยชนวนเหตุในเรื่องเดิม ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้ง ต้องหาพยานหลักฐานมาเพิ่มเติมให้มากกว่านี้เสียก่อน จึงจะสามารถตัดประเด็นไม่เกี่ยวข้องได้ ส่วนเรื่องคดีความขัดแย้งอื่นๆที่ผู้ตายเข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่ภรรยาผู้ตายยังไม่ทราบ จึงเชิญทนายความผู้ใกล้ชิดกับผู้ตายที่คอยให้คำปรึกษามาสอบถามเพิ่มเติม โดยคดีความเหล่านี้มีหลายคดี ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติดที่ผู้ตายถูกว่าจ้างให้ว่าความให้ แต่ละคดีมีค่าใช้จ่ายสูงเกิน 10 ล้านบาท มีทั้งชนะบ้าง แพ้บ้าง ในระยะ 3-5 ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นมูลเหตุในการสังหารผู้ตาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการสอบปากคำทนายความที่ทราบเรื่องว่ามีเรื่องใดบ้าง และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก 2-3 รายที่ต้องเรียกมาสอบปากคำ

พล.ต.ต.สมบัติเผยต่ออีกว่า สำหรับเรื่องที่ผู้ตายทะเลาะกับภรรยาเมื่อปี 56 นั้น เป็นเรื่องที่ภรรยาผู้ตายนำเงินที่ผู้ตายให้ไว้ในการซื้อขายหุ้นกับทองคำ ไปลงทุนทำโรงงานน้ำผลไม้อัดแก๊ส พอผู้ตายทราบภายหลังทำให้เกิดการต่อว่ากันขึ้น ไม่ได้มีการลงมือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ภายหลังก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ภรรยาเอากำไรที่ได้มามอบให้ผู้ตาย สำหรับพยานซึ่งเป็นคนใกล้ชิด รวมถึงคนในบ้านของผู้ตายนั้น เรียกมาสอบปากคำเกือบครบแล้ว ส่วนบุตรชายกับภรรยาอีกคนได้เรียกมาสอบปากคำแล้วเช่นกัน เบื้องต้นพบแค่มาช่วยงานที่โรงงานดังกล่าวเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องพินัยกรรมนั้น ผู้ตายไม่ได้ทำเอาไว้มีเพียงแค่กรมธรรม์ประกันชีวิต 2 กรมธรรม์ มูลค่า 6 แสนบาท ซึ่งหากผู้ตายเสียชีวิตลงทรัพย์สินภายในบ้าน ทางครอบครัวจะได้รับตามกฎหมาย ส่วนเรื่องหนี้สินก็เป็นศูนย์ไม่ต้องชดใช้กัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชุดคลี่คลายคดีสอบปากคำทั้งหมด โดยใช้เวลานานประมาณ 4 ชม.นางรัศมี สุธางค์กูร และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ภรรยาและบุตรสาวผู้ตาย ได้หลบกองทัพสื่อมวลชนที่รอบันทึกภาพทำข่าวอยู่ด้านนอก ออกไปทางบันไดหนีไฟด้านข้างอาคาร ขึ้นรถตู้สีขาวออกไป โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม

วันเดียวกัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ทาง บก.สส.บช.น. ได้เชิญทนายความ 3 คน คดีความของนายสมยศเกี่ยวกับเรื่องที่ดินย่านพระราม 9 ชุดสืบสวนจะสอบถามข้อมูลความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินของนายสมยศ ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยตรวจสอบข้อมูล โดยเน้นตรวจสอบเรื่องกรรมสิทธิ์การจดทะเบียนที่ดิน รถยนต์ เงินสด กรมธรรม์ประกันภัย และบัญชีเงินฝากกว่า 40 บัญชี ส่วนสาเหตุการขัดแย้งระหว่างผู้ตายและบุคคลอื่นนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเช่นกัน รวมทั้งเรื่องภายในครอบครัวที่เกี่ยวกับบุตรของนางรัศมี สุธางค์กูร ทั้ง 2 คน และลูกเลี้ยงที่เป็นลูกติดจากภรรยาเก่าของนายสมยศอีก 1 คน ว่ามีความสัมพันธภาพเป็นอย่างไร นอกจากนี้ สั่งการให้กองปราบปรามตรวจสอบกรณีรับจ้างเป็นที่ปรึกษาอย่างคดีเกี่ยวกับยาเสพติดหรือคดีอื่นเพื่อรวบรวมข้อมูลรายละเอียด ส่วนมือปืนที่ลงมือก่อเหตุขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามหาเบาะแสเพิ่ม

มีรายงานว่า ชุดสืบสวน บช.น.ได้มีการนัดนางรัศมี สุธางค์กูร และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ บก.สส.บช.น. เนื่องจากชุดสืบสวนตรวจสอบไดอารี่พบว่านายสมยศเขียนไว้ว่าเคยทำร้ายร่างกายนางรัศมีจนบาดเจ็บฟกช้ำ โดยสืบสวนได้เบาะแสจากพยานว่านางรัศมีนำเงินดังกล่าวไปร่วมลงทุนทำธุรกิจโรงงานน้ำผลไม้ ที่ จ.สมุทรปราการ กับนายณัฐพล หรือณัฐ กันทะยอม อายุ 24 ปี ลูกติดของนายสมยศ ลูกชายภรรยาเก่าที่เคยเป็นนักร้องคาเฟ่ แต่เลิกรากันไปแล้ว ซึ่งนายสมยศเขียนไว้ในสมุดบันทึกลงในไดอารี่ไว้ด้วยว่า วันที่ 1 ก.ค.58 นัดจะขายกิจการ โดยติดต่อบุคคลมาซื้อกิจการและนัดคุยกับลูกชายด้วย ระบุด้วยว่าหากไม่ยอมขายก็จะตัดพ่อตัดลูกกัน แต่ก่อนถึงวันนัดหมายนายสมยศ ถูกมือปืนดักสังหารเสียก่อน

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนวิเคราะห์ข้อมูลยังไม่ปักใจเชื่อว่านายณัฐพลอยู่เบื้องหลังการสังหารพ่อตัวเองตามที่ น.ส.ณัฐธิดาตั้งข้อสงสัย เนื่องจากยังไม่มีน้ำหนักหรือมูลเหตุจูงใจพอ อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนได้ติดต่อเรียกนายณัฐพลมาสอบปากคำเกี่ยวกับกรณีที่ถูกพาดพิงแล้ว ทั้งนี้ พงส.สน.คลองตัน เคยสอบปากคำนายณัฐพลไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

อีกด้าน พ.ต.ท.เสนาะ มณีฤทธิ์ อดีต พงส.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ 1 ในผู้มีรายชื่อเกี่ยวกับคดีนี้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่ารถเบนซ์คันที่ผู้ตายและภรรยาใช้เป็นพาหนะเดินทางไปทานอาหารที่ร้านเฮงหูฉลามจนพบจุดจบนั้นเป็นของ พ.ต.ท.หญิงนงเยาว์ มณีฤทธิ์ อดีต ผู้ช่วย นว.แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ภรรยาตน ที่นำไปใช้ค้ำหนี้ที่ยืมเงินมาจากผู้ตาย 1.2 แสนบาท เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้ถูกนำไปค้ำหนี้ที่ติดค้างค่าเช่าตัวอาคารพระราม 9 คาเฟ่เพื่อทำธุรกิจทีวีดาวเทียมจำนวน 3 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว เนื่องจากตนจ่ายค่าเช่าให้กับผู้ตายทุกเดือน เดือนละ 2.7 แสนบาท โดยไม่มีการติดค้างค่าเช่าแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนเตรียมตั้งทนายความฟ้องหมิ่นประมาทกับชุดทำงานที่ออกมาให้ข่าวว่าตนติดค้างค่าเช่ากับผู้ตาย ทำให้ส่งผลกระทบกับธุรกิจที่ทำอยู่

“ผมรู้จักกับคุณสมยศและครอบครัวนี้มาประมาณ 30 ปีแล้ว เพิ่งเจอครั้งสุดท้ายที่บ้านคุณสมยศเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังพูดคุยสนุกสนานกันอยู่เลย ซ้ำคุณสมยศยังบอกว่าหมอดูเคยดูดวงให้บอกว่าไม่มีเกณฑ์ตายโหง ส่วนเรื่องความขัดแย้งที่ดินแปลงข้างพระราม 9 คาเฟ่ เนื้อที่ 1 ไร่นั้น เท่าที่จำได้คุณสมยศถูกฟ้องไล่ที่ แต่ก็ต่อสู้ในประเด็นครอบครองโดยปรปักษ์ แพ้มาแล้ว 2 ศาล อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ไม่น่าเป็นชนวนเหตุการตายครั้งนี้ เพราะทำแล้วจะได้อะไร คุณสมยศแพ้มาแล้วถึง 2 ศาล” พ.ต.ท.เสนาะกล่าว
**********************
ที่มา http://www.thairath.co.th/