แม่ผู้ต้องหาปล้นรถขนเงิน ธ.กสิกรไทย ที่อยู่ระหว่างหลบหนีไปญี่ปุ่น หอบเงินเกือบครึ่งล้านที่ลูกนำมาฝากไว้หลังก่อเหตุคืนให้ ผบช.น.ช่วงกลางดึก พร้อมแจ้งเบาะแสลูกซื้อรถเก๋งป้ายแดง ราคา 9 แสนบาท จอดไว้ที่ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง คาดไม่นานคงได้ตัว เพราะมีเงินหนีไปเที่ยวญี่ปุ่นเพียง 6 หมื่นบาท แถมมีทีท่าว่าจะเดินทางกลับมามอบตัว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 8 ก.ค. นางชนิตา ภัทรวานนท์ อายุ 54 ปี มารดาของนายศาสตรา หรือตั้ม สุขสม อายุ 29 ปี 1 ในผู้ต้องหาปล้นรถขนเงินของ ธ.กสิกรไทย ในห้างโลตัส พระราม 1 อยู่ระหว่างหลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่น เดินทางนำเงินที่นายศาสตราได้จากการก่อเหตุและนำมาฝากไว้ จำนวน 496,090 บาท มามอบคืนให้กับตำรวจ โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เป็นผู้รับมอบด้วยตนเอง
เบื้องต้นนางชนิตาเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุบุตรชายนำเงินจำนวนดังกล่าวมาฝากไว้ เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าเป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนัน ซึ่งตนไม่ติดใจเนื่องจากปกติบุตรชายชอบเล่นการพนันอยู่แล้ว พอมีข่าวปล้นรถขนเงินออกทางโทรทัศน์ นายศาสตราก็ติดต่อตนผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์มาขอโทษและสารภาพว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็นเงินที่ได้จากการปล้น จึงตัดสินใจนำมาคืนตำรวจ นอกจากนี้ บุตรชายยังนำเงินไปซื้อรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ป้ายแดง ก่อนหลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ทั้งนี้ ตนยังเกลี้ยกล่อมให้นายศาสตราเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจซึ่งเจ้าตัวมีทีท่าว่าจะเดินทางกลับมามอบตัวในเร็ววัน
หลังทราบข้อมูล พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน นำกำลังเข้าตรวจยึดรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-7125 กรุงเทพมหานคร ของผู้ต้องหารายนี้ที่จอดอยู่ในอาคารจอดรถผู้โดยสารขาออก สนามบินดอนเมือง ช่องที่ 23 พร้อมทั้งเก็บลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอและเอกสารอื่นๆไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า รถเก๋งคันดังกล่าวที่ตรวจยึดไว้ เป็นของนายศาสตราซื้อมาด้วยเงินที่ได้จากการก่อเหตุ จากการตรวจค้นภายในบ้านพักย่านบางเขน พบเอกสารผู้ต้องหาซื้อรถคันดังกล่าวมาจากโชว์รูมรถย่านบางขุนเทียน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ด้วยเงินสดประมาณ 9 แสนบาท ใช้ชื่อมารดาเป็นผู้ครอบครอง นอกจากนี้ ยังพบนามบัตรร้านขายเพชรย่านพญาไท บัตรผ่านช่องทางด่วนอีซี่พาสภายในรถ เตรียมเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล เพื่อขยายผลหาเบาะแสติดตามทรัพย์สินคืน ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้พบว่าซื้อตั๋วเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นกับบริษัทนำเที่ยว ในราคาประมาณ 20,000 บาท โดยมีเงินติดตัวไปประมาณ 60,000 บาท อยู่ระหว่างประสานทางการญี่ปุ่นติดตามตัว
***************************
ที่มา http://www.thairath.co.th/social